ในสมัยโบราณ เมื่อวิทยาการทางการแพทย์ยังไม่พัฒนา คนโบราณใช้ความเชื่อและวิธีการรักษาตามความเชื่อทางไสยศาสตร์หรือภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งหลายความเชื่อเหล่านั้นถูกส่งต่อกันมาเป็นเวลานาน และบางครั้งก็ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยมากขึ้น ความเชื่อบางอย่างอาจฟังดูแปลกประหลาดหรืออาจมีผลร้ายต่อสุขภาพร่างกาย
4 ความเชื่อในการรักษาของคนโบราณที่ไม่ควรทำตามเด็ดขาด
1. ใช้เลือดหรืออวัยวะสัตว์เพื่อรักษาโรค
ความเชื่อเรื่องการใช้ส่วนของสัตว์ เช่น เลือด ตับ หรืออวัยวะต่างๆ ในการรักษาโรคยังคงปรากฏในบางวัฒนธรรมของคนโบราณ โดยเฉพาะการเชื่อว่าอวัยวะของสัตว์จะช่วยฟื้นฟูหรือรักษาอวัยวะของมนุษย์ได้ เช่น การดื่มเลือดสัตว์เพื่อรักษาโรคโลหิตจาง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่เพียงแต่ไม่ได้ผล แต่ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
2. ห้ามกินยาเม็ดโดยเด็ดขาด
คนโบราณบางกลุ่มมีความเชื่อว่าการใช้ยาเม็ดทำให้ “พลังชีวิต” หรือ “ธาตุ” ของร่างกายถูกทำลาย โดยเฉพาะในวัฒนธรรมที่เชื่อเรื่องสมุนไพรและการแพทย์ทางเลือก แม้ว่าในปัจจุบันยาหลายชนิดได้รับการวิจัยและพัฒนาเพื่อใช้รักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ การหลีกเลี่ยงยาเม็ดตามความเชื่อโบราณนี้จึงอาจทำให้ผู้ป่วยเสียโอกาสในการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ
3. การใช้สารพิษหรือสมุนไพรที่ไม่ผ่านการควบคุม
บางครั้งความเชื่อเรื่องการรักษาโรคด้วยสมุนไพรที่มีพิษ หรือสารสกัดจากพืชที่ไม่มีการควบคุมทางการแพทย์ อาจส่งผลต่อสุขภาพ เช่น ความเชื่อในการใช้พืชพิษอย่าง “หมามุ่ย” ในการรักษาอาการปวด ซึ่งการใช้สารพิษเหล่านี้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น การแพ้สารเคมีในพืช การใช้สมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งที่ควรระวังอย่างยิ่ง
4. รักษาด้วยการดูดพิษ
ในบางชุมชนมีความเชื่อว่าการดูดพิษออกจากร่างกายจะช่วยรักษาโรคต่างๆ เช่น อาการปวด หรือพิษจากแมลงกัดต่อย อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงการดูดพิษอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ พิษจากสัตว์บางชนิดก็ไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยวิธีนี้และอาจต้องได้รับการรักษาจากแพทย์เท่านั้น
แม้ความเชื่อในการรักษาของคนโบราณจะมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ในปัจจุบันการรักษาทางการแพทย์ได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก การใช้วิธีการรักษาตามความเชื่อที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนไม่เพียงแต่ไม่ได้ผลเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง จึงควรเลือกวิธีการรักษาที่ได้รับการรับรองจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง