การขายรถติดไฟแนนซ์อาจดูซับซ้อนและน่ากังวล แต่ถ้าทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องก็จะสามารถขายได้อย่างปลอดภัยทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนที่จำเป็นในการขายรถติดไฟแนนซ์ให้ปลอดภัย
7 ขั้นตอนการขายรถติดไฟแนนซ์ให้ถูกต้องตามหลัก
1. ตรวจสอบภาระหนี้
ก่อนที่จะเริ่มขายรถที่ยังติดไฟแนนซ์ ผู้ขายต้องตรวจสอบภาระหนี้คงค้างของรถยนต์ว่ามีอยู่เท่าใด สามารถติดต่อสถาบันการเงินที่ทำการไฟแนนซ์เพื่อขอข้อมูลรายละเอียดหนี้สินรวมถึงอัตราดอกเบี้ยและยอดที่ต้องชำระ
2. แจ้งผู้ซื้อเรื่องภาระหนี้
ในการขายรถติดไฟแนนซ์ ต้องแจ้งผู้ซื้อให้ทราบถึงสถานะของรถยนต์ว่ามีภาระหนี้คงค้างอยู่ การแจ้งข้อมูลที่ชัดเจนจะช่วยสร้างความเชื่อถือระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
3. สรุปยอดชำระหนี้คงค้าง
เมื่อได้ข้อมูลภาระหนี้จากสถาบันการเงิน ให้ทำการคำนวณยอดรวมที่ต้องชำระเพื่อปลดภาระหนี้คงค้าง ถ้าผู้ซื้อสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมดก็จะเป็นการดี แต่หากไม่สามารถชำระได้ทั้งหมด ควรหารือแนวทางการชำระร่วมกัน
4. ทำสัญญาการซื้อขาย
การทำสัญญาการซื้อขายรถยนต์ติดไฟแนนซ์ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน โดยควรระบุว่ารถคันดังกล่าวยังมีภาระหนี้ติดไฟแนนซ์อยู่ และการชำระหนี้จะเป็นอย่างไร การทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5. ชำระหนี้คงค้างกับสถาบันการเงิน
เมื่อทำการตกลงซื้อขายเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้ขายหรือผู้ซื้อชำระหนี้คงค้างกับสถาบันการเงิน การชำระหนี้นี้จะช่วยให้รถยนต์หลุดพ้นจากภาระหนี้และสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้
6. การโอนกรรมสิทธิ์
หลังจากที่ได้ชำระหนี้คงค้างเรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์จากผู้ขายไปยังผู้ซื้อ ณ กรมการขนส่งทางบก ขั้นตอนนี้ต้องมีการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ เช่น ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ บัตรประชาชน และหลักฐานการชำระหนี้
7. ตรวจสอบเอกสาร
เมื่อทำการโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ควรตรวจสอบเอกสารทั้งหมดว่าถูกต้องและครบถ้วน รวมถึงจัดเก็บเอกสารการซื้อขาย การชำระหนี้ และสัญญาไว้ในที่ปลอดภัย
การขายรถติดไฟแนนซ์ให้ปลอดภัยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายนั้นต้องอาศัยความเข้าใจและการดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง การตรวจสอบข้อมูล การสื่อสารที่ชัดเจน การทำสัญญาที่ครอบคลุม และการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายจะช่วยให้กระบวนการขายเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย