เคยไหม? สักไปแล้วไม่ถูกใจ อยากลบก็กลัวเจ็บ กลัวเป็นแผลเป็น ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม! แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งถอดใจ เพราะวันนี้เราจะมา เปิดวิธีลบรอยสัก แบบไหนปลอดภัย ไร้แผลเป็น ให้คุณบอกลา “รอยสัก” ที่ไม่ต้องการ พร้อมกลับมามั่นใจ โชว์ผิวสวยไร้กังวลอีกครั้ง!
ก่อนจะลบ ต้องเข้าใจ! รู้ลึกเรื่องรอยสัก
รอยสัก เกิดจากการฝังเม็ดสีลงไปในชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ลึกลงไป ทำให้ติดทน และลบออกได้ยาก ดังนั้น การลบรอยสัก จึงต้องใช้เทคโนโลยีที่สามารถเข้าไปทำลายเม็ดสีเหล่านี้ให้แตกตัว จนร่างกายสามารถขับออกได้เอง
วิธีลบรอยสัก มีอะไรบ้าง? แบบไหนปลอดภัย ไร้แผลเป็น?
1. เลเซอร์ลบรอยสัก (Laser Tattoo Removal)
การใช้เลเซอร์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากมีความปลอดภัยสูงและลดโอกาสเกิดแผลเป็น เลเซอร์ทำงานโดยการยิงคลื่นแสงความถี่สูงไปยังเม็ดสีในชั้นผิว เม็ดสีจะถูกทำลายและถูกขับออกจากร่างกายตามกระบวนการธรรมชาติ โดยทั่วไปอาจต้องทำหลายครั้งขึ้นอยู่กับความเข้มของสีและขนาดของรอยสัก
ข้อดี
- ประสิทธิภาพสูง เห็นผลชัดเจน
- ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- โอกาสเกิดแผลเป็นน้อย เมื่อเทียบกับวิธีอื่น
- สามารถลบได้หลายสี แต่อาจจะใช้จำนวนครั้งแตกต่างกัน
ข้อจำกัด
- อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย คล้ายโดนหนังยางดีด (สามารถใช้ยาชาแบบทาหรือฉีดเพื่อบรรเทาอาการ)
- ต้องทำหลายครั้ง ห่างกันประมาณ 4-8 สัปดาห์
- ราคาสูงกว่าวิธีอื่น
- อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง บวม ตุ่มน้ำใส ซึ่งจะหายไปเองในระยะเวลาไม่นาน
2. การผ่าตัดลบรอยสัก (Surgical Removal)
วิธีนี้เหมาะสำหรับรอยสักขนาดเล็กหรือรอยสักที่ต้องการลบออกอย่างรวดเร็ว โดยแพทย์จะทำการตัดผิวหนังที่มีรอยสักออก และเย็บปิดแผล วิธีนี้มีความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นสูง จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลบรอยสักขนาดเล็กที่อยู่ในบริเวณผิวหนังที่สามารถเย็บปิดได้ง่าย
ข้อดี
- ลบรอยสักออกได้ในครั้งเดียว
ข้อจำกัด
- เสี่ยงเกิดแผลเป็นสูง เหมาะกับรอยสักขนาดเล็ก และอยู่ในตำแหน่งที่ซ่อนเร้นได้
- เจ็บ และต้องพักฟื้นนาน
- ไม่สามารถลบรอยสักขนาดใหญ่ได้
3. การกรอผิว (Dermabrasion)
เป็นการลบรอยสักโดยใช้เครื่องมือกรอผิวหนังชั้นบนออก ซึ่งเม็ดสีของรอยสักที่อยู่ในชั้นผิวจะถูกกำจัดไปพร้อมกับผิวที่ถูกกรอออก วิธีนี้อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดและมีโอกาสเกิดแผลเป็นหรือรอยแดงได้
ข้อดี
- ราคาถูกกว่าเลเซอร์
ข้อจำกัด
- เสี่ยงเกิดแผลเป็นสูง
- เจ็บ และใช้เวลาพักฟื้นนาน
- อาจลบรอยสักออกได้ไม่หมด
- ไม่เหมาะกับรอยสักขนาดใหญ่ หรือรอยสักที่อยู่ลึก
4. การลบรอยสักด้วยน้ำยาเคมี (Chemical Peels)
วิธีนี้ใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อทำลายชั้นผิวที่มีรอยสัก เม็ดสีจะค่อย ๆ หลุดลอกออกไปพร้อมกับผิวชั้นนอก วิธีนี้ไม่เป็นที่นิยมมากนักเนื่องจากมีความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นสูง
ข้อดี
- ราคาถูก
ข้อจำกัด
- เสี่ยงเกิดแผลเป็น และรอยดำสูง
- อาจระคายเคืองผิว และเกิดการอักเสบ
- ประสิทธิภาพต่ำ อาจลบรอยสักออกได้ไม่หมด
- ไม่เหมาะกับรอยสักขนาดใหญ่
5. ครีมลบรอยสัก
ครีมลบรอยสักเป็นวิธีที่หลายคนสนใจเพราะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของครีมลบรอยสักยังไม่เป็นที่ยืนยันแน่ชัด และอาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ซึ่งผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนเท่ากับวิธีการอื่น
ข้อดี
- หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง
ข้อจำกัด
- ประสิทธิภาพต่ำ ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าได้ผลจริง
- อาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือแพ้ได้
- อาจเสียเงินเปล่า
สรุปแล้ว วิธีไหนดีที่สุด?
การลบรอยสักที่ปลอดภัยและมีโอกาสเกิดแผลเป็นน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ คือการใช้เลเซอร์ลบรอยสัก (Laser Tattoo Removal) เนื่องจากเป็นวิธีที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับจากแพทย์ผิวหนัง หรือหากต้องการลบรอยสักอย่างเร่งด่วน วิธีการผ่าตัดก็อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงเรื่องแผลเป็น สำหรับผู้ที่ต้องการทดลองวิธีเบื้องต้นอย่างครีมลบรอยสักก่อนก็ได้เช่นกัน แต่ควรศึกษาและเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจากแหล่งที่เชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ด้านผิวหนังก่อน เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการลบรอยสัก
ไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากเสี่ยงแผลเป็น เลือก “เลเซอร์” และเลือกทำกับ “แพทย์” โดยตรง เพื่อผิวสวยไร้รอยสัก