Metaverse ได้กลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แม้ว่ากระแสความนิยมอาจจะขึ้นลง แต่แนวคิดเบื้องหลังของการเชื่อมโยงโลกกายภาพเข้ากับโลกดิจิทัลผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริงนั้นยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น Metaverse ไม่ใช่แค่เพียงโลกในเกมที่เราเข้าไปเล่น แต่คือวิวัฒนาการขั้นต่อไปของอินเทอร์เน็ต ที่จะทำให้เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันในพื้นที่ 3 มิติ ได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
Metaverse คืออะไรในมุมมองใหม่?
โดยพื้นฐานแล้ว Metaverse คือเครือข่ายของโลกเสมือน 3 มิติ ที่เชื่อมโยงถึงกัน ทำให้ผู้คนสามารถสื่อสาร, ทำงาน, เล่นเกม, และทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เสมือนอยู่ในโลกจริง แต่ในรูปแบบดิจิทัล แทนที่เราจะ “ท่องอินเทอร์เน็ต” ผ่านหน้าจอแบบ 2 มิติ เราจะ “เข้าไปอยู่ใน” อินเทอร์เน็ตนั้นเลยทีเดียว
หัวใจสำคัญของ Metaverse ไม่ได้อยู่ที่แพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง แต่คือการรวมเอาเทคโนโลยีหลากหลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน เช่น
- เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality – VR) การที่เราสวมอุปกรณ์ VR Headset และเข้าไปอยู่ในโลกดิจิทัลได้อย่างสมจริง
- เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality – AR) การที่เทคโนโลยีนำข้อมูลดิจิทัลมาซ้อนทับอยู่บนโลกจริงที่เราเห็นผ่านกล้องสมาร์ทโฟนหรือแว่นตาอัจฉริยะ
- ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ชาญฉลาดและปรับแต่งได้
- บล็อกเชน (Blockchain) และ NFT (Non-Fungible Token) ที่ช่วยสร้างความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลและความโปร่งใสในการทำธุรกรรม
การนำไปใช้จริงในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่เรื่องของเกม
แม้ภาพแรกของ Metaverse อาจเป็นเกมออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม และสร้างประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
1. การศึกษาและการฝึกอบรม
ลองนึกภาพการทัศนศึกษาไปยังพีระมิดอียิปต์โบราณหรือสำรวจอวกาศโดยไม่ต้องออกจากห้องเรียน หรือนักศึกษาแพทย์ที่สามารถจำลองการผ่าตัดที่ซับซ้อนได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง VR และ AR ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้แบบเดิม ๆ ให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและโต้ตอบได้มากขึ้น ช่วยให้นักเรียนและผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อนได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
2. การทำงานร่วมกันและการประชุม
แทนที่จะเป็นการประชุมผ่านวิดีโอคอลแบบ 2 มิติ การประชุมใน Metaverse ช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถมีตัวตน (Avatar) เข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ, นำเสนอผลงานในรูปแบบ 3 มิติ, หรือแม้แต่เดินเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานในบรรยากาศเสมือนจริงได้ ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดทางกายภาพและสร้างความรู้สึกของการมีส่วนร่วมได้ดีกว่า
3. ธุรกิจและการค้า
ร้านค้าแบรนด์ดังหลายแห่งเริ่มเปิดสาขาใน Metaverse เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าในรูปแบบ 3 มิติ, ลองสวมใส่เสื้อผ้าเสมือนจริง, หรือแม้กระทั่งซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Fashion) ที่สามารถนำไปใช้กับ Avatar ของตนเองได้ นอกจากนี้ Metaverse ยังเป็นพื้นที่สำหรับการจัดแสดงสินค้า, งานอีเวนต์, และคอนเสิร์ตเสมือนจริงอีกด้วย
4. การแพทย์และสุขภาพ
VR กำลังถูกใช้เพื่อบำบัดผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวดเรื้อรัง หรือช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางกายภาพของผู้ป่วยให้กลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีการใช้ VR เพื่อช่วยบรรเทาความวิตกกังวลในผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด และใช้ AR ในการช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคหรือวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
อนาคตของ Metaverse และเทคโนโลยีเสมือนจริง
อนาคตของ Metaverse ไม่ได้อยู่ที่การมีโลกเสมือนเพียงไม่กี่แห่ง แต่คือการเชื่อมโยงโลกเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น ทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายจากแพลตฟอร์มหนึ่งไปยังอีกแพลตฟอร์มหนึ่งได้อย่างอิสระ การพัฒนาแว่นตา AR ที่มีขนาดเล็กลง, น้ำหนักเบาขึ้น, และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Metaverse เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายก็ยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวของข้อมูล, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, หรือแม้กระทั่งการสร้างมาตรฐานกลางเพื่อให้โลกเสมือนต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงกันได้ Metaverse ไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่มันคือการวิวัฒนาการของวิธีการที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับเทคโนโลยีและกับโลกใบนี้ มันเป็น “โลกใบใหม่” ที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงาน, เรียนรู้, เล่น, และใช้ชีวิตของเราไปอย่างสิ้นเชิง และเราทุกคนกำลังเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดทิศทางของโลกใบนี้